วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การเลือกโบรคเกอร์ ฟอร์เร็กซ์

การเลือกโบรคเกอร์ ฟอร์เร็กซ์

สมัคร AGEA



ก่อนที่จะเทรดฟอร์เร็กซ์ได้ ต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ฟอร์เร็กซ์ก่อน โบรกเกอร์ คืออะไร? คำอธิบายง่ายที่สุด คือ บริษัท หรือใครซักคนหนึ่ง ที่รับซื้อหรือว่าขาย ออร์เดอร์ ที่มาจากนักเทรด โบรกเกอร์ ได้เงินจากค่าคอมมิชชั่น หรือ ค่าธรรมเนียมในการบริการ

จะเลือกโบรกเกอร์ที่ไหนดี เพราะมีเยอะมากที่ให้บริการ ในการตัดสินใจ เลือกโบรคเกอร์ ต้องทำการวิเคราะห์กันหน่อย จะทำให้เข้าใจในตัวบริการ และค่าธรรมเนียม ที่โบรกเกอร์มี


ฟอร์เร็กซ์ โบรคเกอร์ ต้องมีใบอนุญาติ

เมื่อเลือกโบรคเกอร์มาแห่งหนึ่ง และจะพบว่าโบรคเกอร์นั้น เป็นสมาชิกขององค์กรอะไรซักอย่าง เพราะตลาดฟอร์เร็กซ์ เป็นตลาดที่ไม่มีตัวตนอยู่ และด้วยความที่เป็นอย่างนี้ กฏหรือว่า ใบอนุญาต สำหรับโบรกเกอร์ จึงมีความสำคัญ อย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะโดนหลอกก็เป็นได้

ในสหรัฐฯ โบรคเกอร์จะต้องลงทะเบียนกับ Futures Commission Merchant (FCM) , Commodity Futures Trading Commission(CFTC) หรือ เป็นสมาชิกของ NFA เป็นอย่างน้อย ( CFTC และ NFA จะตรวจสอบ บันทึกประวัติ การเกิดการฉ้อฉล ทุจริต คดโกงเงินในการเทรด )

เราสามารถตรวจสอบกฏของโบรคเกอร์ จากสถานะของสมาชิกใน Commodity Futures Trading Commission (CFTC) และ (NFA) เพื่อตรวจดูประวัติของพวกเขาโดยการโทรไปหา NFA ที่เบอร์ 7(800) 621-3570 หรือ ตรวจสอบ ข้อมูลของโบรคเกอร์ ผ่านทางเว็บไซต์ที่ www.nfa.futures.org/basicnet

ให้มองหาบริษัทที่มีประวัติการทำงานที่สะอาด และสภาวะการเงินมั่นคง อย่าสนใจกับโบรกเกอร์ที่ไม่มี องค์กรใด ๆ รับรอง

NFA จะคอยให้ความรู้กับนักลงทุน เกี่ยวกับการเทรดฟอร์เร็กซ์ พวกเขามีนิตยสารที่ได้รับรางวัล Pulitzer ชื่อว่า "Trading in the Retail Off-Exchange Foreign Currency Market" เขาจะแนะนำให้อ่านมันก่อน

พวกเขายังได้พัฒนาตัวโปรแกรมการเรียนรู้เรื่องฟอร์เร็กซ์ออนไลน์ Forex Online Learning Program ขึ้นมา เป็นโปรแกรมที่สามารถศึกษาได้ด้วยตัวเอง ถ้าอยากรู้ว่าฟอร์เร็กซ์เทรดอย่างไร มีความเสี่ยงจากการเทรดอย่างไร หรือสิ่งที่ควรทำความเข้าใจ ก่อนที่จะเปิดบัญชีกับโบรคเกอร์ ซึ่งทั้งสองนี้ บริการให้ฟรี


ฝ่ายบริการลูกค้า

ตลาดฟอร์เร็กซ์ เป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นจึงมีฝ่ายบริการลูกค้าที่ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง เหมือนกัน

- สามารถติดต่อโบรคเกอร์เหล่านั้นผ่านโทรศัพท์ อีเมล์ แชท ได้ไหม ?
- พนักงานรับโทรศัพท์เหล่านั้น จะตอบคำถามเราได้ไหม?

เรื่องคุณภาพของฝ่ายบริการลูกค้า ขึ้นอยู่กับตัวโบรกเกอร์ ต้องเช็คให้แน่ใจว่า พวกเขาบริการดีหรือไม่ ก่อนที่จะ เปิดบัญชี

เกร็ด : เลือกโบรคเกอร์มาสองสามแห่ง แล้วติดต่อผ่านศูนย์บริการลูกค้าของพวกเขา ดูว่าพวกเขาตอบคำถาม เร็วแค่ไหน เพราะบอกถึงความรับผิดชอบต่อความต้องการ ถ้าไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจและช้า อาจเป็นโบรคเกอร์ ที่ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ และระวังโบรคเกอร์ประเภทนี้เอาไว้

( จำไว้ว่า บริการก่อนการขาย ย่อมดีกว่าบริการหลังการขาย ซึ่งไม่ถูกต้อง )


โปรแกรมเทรดออนไลน์

โบรคเกอร์ส่วนใหญ่จะอนุญาติให้คุณเทรดผ่านอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว โปรแกรมที่ให้บริการ เป็นระบบการส่งคำสั่งในการ เทรด ดังนั้นโปรแกรมที่ใช้ในการส่งคำสั่งจึงมีความสำคัญ เหมือนกับการเทรดออพชั่น ที่จะมีบริการ บัญชีเทรดแบบ เดโม ในบางโบรคเกอร์

สิ่งที่ควรจะดูในหน้าจอโปรแกรม ของโบรคเกอร์

• ความสามารถในการดูราคา หรืออัตราแลกเปลี่ยน แบบเรียลไทม์
• มีผลสรุปของยอดรวมในบัญชี และมีกำไรที่รับรู้ไปแล้ว และกำไรที่ยังไม่รับรู้ มีมาร์จิ้นที่เหลืออยู่ และมาร์จิ้นที่ล็อคไว้ สำหรับในการถือ postion.
โปรแกรมเทรดส่วนใหญ่ หรือแม้แต่หน้าจอที่เทรดบนเว็บ โดยใช้ Java หรือว่าโปรแกรมที่ต้องติดตั้ง ในเครื่อง คอมพิวเตอร์ ซึ่งควรจะให้เหมาะกับตัวคุณ
• โปรแกรมที่เทรดบนเว็บ เป็นโปรแกรมที่มี host หรือแม่ข่าย อยู่ที่เว็บไซต์ของโบรคเกอร์ เราไม่ต้องติดตั้ง โปรแกรมใด ๆ ในคอมพิวเตอร์ สามารถที่จะเข้าไปใช้โปรแกรมจากที่ไหนก็ได้ คอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็ได้ ที่ต่ออินเตอร์เน็ต
• โปรแกรมที่ติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ต้องดาวน์โหลด และติดตั้งโปรแกรม ก็ได้รับอนุญาต ให้เทรดบน คอมพิวเตอร์ (ไม่ว่าจะลงโปรแกรมไว้กี่เครื่องก็ตาม)

โดยทั่วไป การดาวน์โหลดและการติดตั้งโปรแกรม สามารถทำได้ค่อนข้างรวดเร็ว แต่โปรแกรมส่วนใหญ่ จะไม่มี โปรแกรมให้เลือกลงได้หลายระบบปฏิบัติการมากนัก ตัวอย่างเช่น โบรคเกอร์ส่วนใหญ่จะมีโปรแกรมเทรดที่ สามารถติดตั้งได้บน Microsoft Window อย่างเดียวเท่านั้น ถ้าคุณใช้ Mac คุณก็ไม่สามารถติดตั้งโปรแกรม เหล่านั้นได้ และคุณต้องใช้โปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ในเว็บของโบรคเกอร อย่างเดียวเท่านั้น โปรแกรมเหล่านี้ จะเปิด ผ่านโปรแกรม เล่น อินเตอร์เน็ต อย่าง IE , Firefox อีกที

โปรแกรมที่ใช้ซอร์ฟแวร์ Java เป็นที่นิยมในหมู่โบรคเกอร์ ที่คิดว่าปลอดัยและน่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะยากที่จะโดน โจมตี จากไวรัส หรือแฮ็คเกอร์ ในระหว่างที่ทำการส่งถ่ายข้อมูล เช่นการดาวน์โหลดโปรแกรม หรือการติดตั้งโปรแกรม

คุณต้องลองใช้โปรแกรมของโบรคเกอร์ ด้วยบัญชีเดโม ก่อนที่จะลงเงินในบัญชีจริง!

ถ้าเป็นไปได้ ควรใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
ตลาดฟอร์เร็กซ์ เป็นตลาดที่มีการเคลื่อนไหวของราคารวดเร็ว ดังนั้น ควรใช้อินเตอร์เน็ต ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ในการรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับตลาด จึงควรมีอินเตอร์ความเร็วสูง แต่ถ้าไม่มีก็อาจจะทำให้พบกับ ปัญหาจุกจิก ในการเทรด ระบบอินเตอร์เน็ตแบบเดิม ๆ ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับตลาดฟอร์เร็กซ์ ถ้าอยากเทรดออนไลน์ ควรใช้ คอมพิวเตอร์ที่เร็ว และมีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง แต่มันก็ไม่สำคัญมากหรอก!

ทุกโบรคเกอร์จะให้คุณส่งออร์เดอร์แบบเรียลไทม์อยู่แล้ว ทำให้คุณส่งคำสั่งซื้อขายได้ทันที สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ โปรแกรมเทรดพื้นฐานควรจะมี แต่ก็ยังมีการอัพเกรดโปรแกรมเทรด เพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวก โดยอาจ จะต้อง เสียค่าธรรมเนียมเป็นรายเดือน

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ก็จะมีกราฟ หรือ ชาร์ท ทางเทคนิค ไว้บริการในโปรแกรมเทรดอยู่แล้ว จะแตกต่างกันไปตาม แต่ละโบรคเกอร์ เราควรเข้าใจจุดนี้ไว้ด้วย


Mini/Micro Accounts

โบรคเกอร์จะมีบัญชีเล็ก ๆ ให้เรา เรียกว่า mini account และยังมีเล็กยิ่งกว่านั้นอีกคือ บัญชี Micro Account ซึ่ง แค่เงิน ไม่กี่ร้อยเหรียญ ก็สามารถเล่นได้ และดีสำหรับเทรดเดอร์ เพราะว่าเราควรจะใช้บัญชีประเภทนี้ ในการหา ประสบการณ์ การเทรด


นโยบาย หรือเงื่อนไขของโบรคเกอร์

ก่อนที่จะเลือกโบรคเกอร์ออนไลน์
ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไข ของโบรคเกอร์ ให้รอบคอบเสียก่อน เช่น:

คู่เงินที่สามารถเทรดได้ ควรจะดูว่าโบรกเกอร์มีคู่เงินหลัก ๆ อย่างน้อย เจ็ดค่าเงินให้เล่นรึเปล่า ( AUD, CAD, CHF, EUR, GBP, JPY, and USD)

Transaction Costs คือ ค่าใช้จ่ายในการส่งออร์เดอร์ ซึ่งจะถูกคิดเป็น pip ยิ่งค่า spread ต่ำเท่าไหร่ ในการ เทรด ต่อครั้ง หมายความว่า เรามีโอกาสในการทำกำไรสูงขึ้นเท่านั้น ถ้าเปรียบเทียบกับโบรคเกอร์ที่ spread สูง ๆ ก็จะเห็น ความแตกต่างชัดเจน เช่น Bid กับ Ask หรือ Spread ของ EUR/USD ทั่วไปแล้วควรจะเป็น 3 pip แต่คุณ อาจจะหาโบรคเกอร์ที่มี spread แค่ 2 หรือน้อยกว่านั้นได้

Margin ที่ต้องใช้ สำหรับมาร์จิ้นที่ต้องใช้ต่ำมาก ๆ (หมายถึงต้องใช้ leverage สูง) หมายถึง โอกาสในการทำ กำไร และโอกาส ขาดทุนสูง เช่นเดียวกัน เปอร์เซ็นต์มาร์จิ้น ส่วนมากจะอยู่ที่ .25% ถ้า ฃหาโบรคที่มีมาร์จิ้นถูก ๆ ยิ่งดีเมื่อ เทรด ได้กำไร แต่ถ้าขาดทุนก็เป็นดาบสองคมเหมือนกัน ต้องทำความเข้าใจกับการสวิงของค่าเงินด้วย และให้ระวัง การใช้มาร์จิ้น

ขนาดของการเทรดอย่างน้อย ขนาดของการเทรดที่ 1 ลอท อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละโบรคเกอร์ บางโบรคเกอร์อาจจะเท่ากับ 1,000, 10,000 , หรือ 100,000 ดอลล่าร์ ต่อ 1 ลอท
ถ้า 1 ลอทมีมูลค่า 100,000 เหรียญเรียกว่า standard
ถ้า 1 ลอทมี มูลค่า 10,000 เรียกว่า Mini
ถ้า 1 ลอท มีมูลค่า 1,000 เรียกว่า micro
บางโบรคเกอร์อาจจะมีขนาดในการส่งออร์เดอร์ที่เล็กกว่านี้ได้อีก เรียกว่า odd lot สามารถกำหนดขนาด การส่ง ออร์เดอร์เองได้

Rollover / swap Rollover ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความแตกต่าง ของอัตราดอกเบี้ยของแต่ละประเทศ ที่ใช้ค่าเงินนั้น ๆ อยู่ เมื่อเทียบกับ อัตราดอกเบี้ยอีกค่าเงิน ที่อยู่ในคู่ของค่าเงิน อัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันมากเท่าไหร่ จะทำให้ เราต้องจ่าย หรือ รับค่า Rollover มากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเทรด GBP/USD ถ้าเงินปอนด์มีอัตราดอกเบี้ย ที่สูง หรือ แตกต่าง มากกว่า อัตราดอกเบี้ยของเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ดังนั้นการคิดค่า Rollover ของการถือเงินปอนด์ จะแพง ในทาง ตรงกันข้าม เช่น ถ้าเงินสวิสฟรังค์ มีอัตราดอกเบี้ยส่วนต่างน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐ ดังนั้น การถือ ค่าเงิน USD/CHF ข้ามคืนก็จะมีค่าใช้จ่ายน้อยเช่นเดียวกัน

อัตราดอกเบี้ยในบัญชีแบบ Margin Account การจ่ายดอกเบี้ยของโบรกเกอร์ส่วนมากขึ้นอยู่กับ ขนาด มาร์จิ้นของลูกค้า ซึ่งขึ้น ๆ ลง ๆ ตามอัตราดอกเบี้ย ที่ประกาศ ออกมา ถ้าคุณคิดจะหยุดเทรดไปซักพัก แต่ว่า ดอกเบี้ยในบัญชีมาร์จิ้นของคุณยังคงถูกคิดต่อไป จำไว้ว่าโบรคเกอร์ ส่วนใหญ่ ไม่อนุญาตให้ปล่อยดอกเบี้ย พอกมากขึ้น นอกจากคุณจะใช้มาร์จิ้นแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ คือ leverage 1: 50

Trading Hours แทบทุกโบรคเกอร์จะใช้เวลาในการเริ่มเปิดตลาด เป็นเวลาเดียวกันกับที่ ตลาดฟอร์เร็กซ์ ทั่วโลกเปิดตลาด นั่นคือ 4:00 เช้าวันจันทร์ ของไทย จนถึง เวลา ตี 4 วันเสาร์ ของไทย

เงื่อนไขอื่น ๆ ให้ตรวจสอบเรื่องการเปิดบัญชี "fine print" เกี่ยวกับเงื่อนไขของโบรคเกอร์ เพราะอาจจะแตกต่าง กัน เล็กน้อย กับ โบรคอื่น ๆ เพราะพวกเขาอาจจะมีเงื่อนไข ที่ตั้งขึ้นไว้เอาเปรียบนักเทรดมือใหม่ การหาโบรคเกอร์ ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ มันไม่ได้ง่ายและต้องใช้เวลา อย่ารีบเลือกโบรคเกอร์ที่คิดว่าดูดี มองหา ความได้เปรียบ ที่อาจจะ มีในโบรคเกอร์อื่น ๆ ด้วยการใช้บัญชี Demo ของพวกโบรคเกอร์หลายๆแหล่ง


สรุป

สิ่งที่ต้องตรวจสอบใน online Forex broker/dealer:

1. ค่า Spreads ต่ำ

ในการเทรดฟอร์เร็กซ์ 'spread' คือ จุดที่แตกต่างระหว่าง ราคา Buy กับ Sell ที่มีอยู่ในแต่ละค่าเงิน ถ้ายิ่ง Spread ต่ำ ๆ ยิ่งทำให้ได้เปรียบ

2. เงินฝากแรกเข้าขั้นต่ำ ไม่มากนัก

สำหรับคนใหม่ในตลาดฟอร์เร็กซ์ และไม่มีเงินเป็นล้าน ๆ เหรียญ ที่จะมาเสี่ยงในการเทรด การเปิดบัญชี micro ด้วยเงินเริ่มต้นซัก 250 เหรียญ(เราแนะนำอย่างน้อย 1,000 เหรียญ) ซึ่งกำลัง พอเหมาะ สำหรับมือใหม่

3. ออร์เดอร์ของคุณ โดน Instant automatic execution

นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก เมื่อคุณเลือกฟอร์เร็กซ์โบรคเกอร์ อย่าเลือกโบรคเกอร์ที่มี Re-Quote เมื่อจะซื้อที่ราคานั้น หรือ โบรคเกอร์ที่มีการใช้ Slippage เป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อคุณเทรดแล้วหวังผลกำไรส่วนต่างไม่กี่จุด คุณต้องใช้ สิ่งที่เรา เรียกว่า WYSIWYG (อ่านว่า วิซซี่วิก)โบรคเกอร์ หมายถึงเมื่อคุณอยากได้ราคานั้นคุณก็ต้องได้ ..WYSIWYG = What You See Is What You Get!

4. มี charting and technical analysis ให้ฟรี

เลือกโบรคเกอร์ที่ให้มีชาร์ท หรือกราฟทางเทคนิคให้คุณ สำหรับนักเทรด ที่แอคทีฟหน่อย (เทรดบ่อย) ให้หา โบรคเกอร์ ที่มีกราฟ หรือ ข้อมูลการวิเคราะห์ทางเทคนิคให้ ที่จะสามารถใช้วิเคราะห์ด้วยตัวของคุณเองในกราฟ

5. Leverage Leverage

สามารถทำให้เรา รวย และ จนได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอย่างหลังมากกว่า(จน) ในฐานะนักเทรด ที่มี ประสบการณ์ คุณไม่ต้องใช้ leverage เยอะมากอย่างที่คิด จะให้ดีใช้ราว ๆ 1: 100 สำหรับบัญชี สแตนดาร์ด และ 200:1 สำหรับบัญชี mini


สมัคร AGEA

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น